Saturday, December 14, 2013

ใครชั่วใครดี?

คุณ "เก่งกาจ" เขียนอีเมลมาคุยด้วย ซึ่งผมคิดว่าน่าสนใจ แต่ไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ จึงขอนำลงในบลอกนี้ พร้อมกับสอดแทรกความเห็นของผมไปด้วยโดยเขียนเป็นตัวเอน

สวัสดีครับ คุณบ๊อบ

ได้อ่านคอลัมน์เรื่อง hate speech ขอบคุณนะครับที่ช่วยเตือนสติคนไทย เห็นคุณบ๊อบพูดถึงแกนนำ แต่จริง ๆ แล้วผมคิดว่า hate speech ไม่เกี่ยวกับแกนนำเท่าไหร่หรอกครับ คนทั่วไปก็ใช้กันประจำ ไม่รู้ว่าคุณบ๊อบได้อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยมากแค่ไหน hate speech ใช้กันมานานแล้วโดยเฉพาะจากฝั่งประชาธิปัตย์และคนที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยครับ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนนะครับ แต่เท่าที่ผมสังเกตคำหยาบคายส่วนมากจะมาจากฝั่งประชาธิปัติย์ ทั้ง 2 ฝั่งก็มีคนใช้คำหยาบคายแต่จากฝั่งที่ต่อต้านพรรคเพื่อไทยจะเยอะกว่ามาก

เรื่องแมลงสาบคิดว่าคุณบ๊อบหมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่ผมทราบคำนี้มาจากพรรคประชาธิปัตย์เองนะครับ ในที่ประชุมพรรคเมื่อปี 45 มีนักวิชาการแนะนำพรรคประชาธิปัตย์ให้ใช้ทฤษฎีแมลงสาบ และตอนหลังคุณกรณ์ก็ไปเปรียบเทียบพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพรรคแมลงสาบ ตรงนี้ต้องดูดี ๆ ครับ เท่าที่ผมสังเกตหลายคนที่พูดถึงพรรคแมลงสาบไม่ได้พูดในเชิงดูหมิ่นเกลียดชังแต่เหมือนเป็นชื่อเล่นที่ทุกคนเข้าใจตรงกันมากกว่า และโดยส่วนมากเวลาพูดถึงแมลงสาบจะหมายถึงพรรคในลักษณะที่เป็นนามธรรม ไม่ได้หมายความว่าต้องการดูถูกคนที่พูดถึงว่าเป็นแมลงสาบนะครับ ที่คุณบ๊อบไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นผมคิดว่าไม่เหมือนกันครับ

ครับ คุณเก่งกาจพูดถูก แต่ในบริบทของรวันดา การใช้คำว่า "แมลงสาบ" เป็นการเรียกคนเผ่า Tutsi ไม่ใช่ใช้เรียกพรรคการเมือง ทำให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นแมลงที่น่ารังเกียจ กระทืบให้ตายได้ก็ดี

สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ตามความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ระหว่างความดีกับความชั่ว อันนี้พูดในภาพรวมนะครับ ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี และคนที่ไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เป็นเผด็จการทุกคน ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่

ผมไม่คิดว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วหรอกครับ เพราะถ้าคิดอย่างนั้นก็หมายความว่าจะต้องสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ผมมีเพื่อนทั้งสองฝ่าย และทุกคนก็เป็นคนนิสัยดี จิตใจดี แต่ความคิดเกี่ยวกับว่าอะไรเหมาะอะไรควรสำหรับประเทศชาติอาจจะแตกต่างกัน บางคนคิดว่าประชาธิปไตยไม่ดีเพราะเปิดโอกาสให้คนที่เก่งแต่โกงมาบริหารประเทศ บางคนก็คิดว่าประชาธิปไตยดี เพราะทำให้เขาได้ลืมตาอ้าปาก ได้มีสิทธิ์มีเสียง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็หวังดีกับประเทศ เพียงแต่มีความเห็นไม่ตรงกันว่าอะไรดีสำหรับประเทศ ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะเน้นการแข่งขันกันทางนโยบาย ทางการเลือกตั้ง ไม่ใช่การออกมายึดพื้นที่สาธารณะหรือราชการ

แต่ตอนนี้คนส่วนน้อยที่ฝักใฝ่เผด็จการพยายามจะยึดอำนาจการปกครองจากคนส่วนใหญ่ที่สนับสนุนประชาธิปไตย ที่วันก่อนคุณบ๊อบเขียนคอลัมน์บอกว่าสนับสนุนที่ไปเดินขบวนเพราะเป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ม็อบนี้จุดประสงค์ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าต้องการล้มรัฐบาลโดยไม่ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย ผิดตั้งแต่วิธีคิดแล้ว ตอนแรกบอกว่าต่อต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม พอตกไปแล้วก็ไม่ยอมเลิก คงต้องการให้ศาลโลกตัดสินให้ไทยเสียดินแดน พอศาลตัดสินว่าไม่เสีย คุณศิริโชคก็พยายามทำลายชาติในสภาต่อโดยไปยอมรับเส้นของกัมพูชาจนโดนคุณวีรชัยด่าจนเสียผู้เสียคนไป ที่บอกว่าจะตั้งศาลประชาชนก็เข้าข่ายกบฏ ไม่ต้องการให้นายกฯ ลาออก ไม่ต้องการให้ยุบสภา ต้องการล้มรัฐบาลโดยไม่ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยก็เข้าข่ายกบฏ ตอนหลังจะตั้งสภาประชาชนก็เข้าข่ายกบฏอีก คุณสุเทพยังบอกอีกว่าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นระบอบกษัตริย์โดยสมบูรณ์ ผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์รึเปล่า แต่จะหมายถึงอะไรก็เข้าข่ายกบฏ ล่าสุดศาลก็ออกหมายจับคุณสุเทพข้อหากบฏแล้ว

เรื่องการฆ่ากันนั้นคุณบ๊อบก็น่าจะรู้ข่าวแล้ว ล่าสุดก็มีคนตายไป 4 คน 3 คนยังระบุแน่ไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่มีการอ้างว่า 1 คนเป็นนักศึกษารามคำแหง อีก 2 คนเป็นคนเสื้อแดง ส่วนอีก 1 คนที่พบโครงกระดูกในรถบัสคนเสื้อแดงที่โดนเผาจากที่ฟังข้อมูลน่าจะเป็นญาติคนเสื้อแดงที่มาชุมนุม

จากรายงานข่าวล่าสุด ปรากฏว่าคนที่ไฟคลอกตายในรถบัสเสื้อแดงเป็นหนึ่งในคนที่ขึ้นไปเผารถ แต่หนีออกจากรถไม่ทัน ก็น่าสลดใจครับ ทุกครั้งที่มีคนบาดเจ็บล้มตายเพราะเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนหรือด้วยเหตุอะไร

เรื่องการทำร้ายร่างกาย คนเสื้อแดงก็โดนดักทำร้ายจนต้องยุติการชุมนุมไปแล้ว ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมีทั้งบังคับให้ถอดเสื้อออก จุดไฟเผาเสื้อ กระทืบเสื้อ ใครนั่ง taxi มาก็โดยล้อมเตะถีบรถ กระโดดถีบ ใครนั่งรถเมล์ก็โดนปาขวด เอาด้ามธงกระทุ้ง ทิ่มแทงใส่ เรื่องความคิดเห็นบางคนก็ต้องการฆ่าคนที่สนับสนุนคุณทักษิณให้หมดประเทศ

อีกฝ่ายก็บอกว่าคนเสื้อแดงไปทำร้ายเขาก่อน ผมก็ไม่อยากฟันธงว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน เพราะเหตุการณ์ในคืนนั้นค่อนข้างจะสับสนวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างโบ้ยความผิดให้อีกฝ่าย แต่ประเด็นที่สำคัญคือทำไมเราถึงโกรธเกลียดกันได้ขนาดนี้โดยที่ไม่ได้รู้จักกันเลย ผมมั่นใจว่าถ้าจับคนทั้งสองฝ่ายเหล่านี้มานั่งกินข้าวคุยกัน ทำความรู้จักกันโดยห้ามคุยเรื่องการเมืองและไม่บอกว่าใครเป็นฝ่ายไหน เขาน่าจะเป็นเพื่อนกันได้

ผมคิดว่าการจะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นคงต้องทำให้คนที่หลงผิดรู้จักผิดชอบชั่วดี ถ้าคุณบ๊อบมีโอกาสอยากให้สอดแทรกเรื่องศีลธรรมในคอลัมน์หน่อยครับ ขอบคุณครับ

ครับ ปัญหาของเราทุกวันนี้คือต่างฝ่ายต่างมีมาตรฐานต่างกันเกี่ยวกับเรื่องผิดชอบชั่วดี ซึ่งผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดควรรวมถึงการเคารพกฎหมายและสิทธิของผู้อื่น เช่นไม่ปิดล้อม/บุกรุกสถานที่ราชการ ยึดพื้นที่สาธารณะ สนามบิน หรือที่ประชุมระหว่างประเทศ ผมก็พยายามสอดแทรกในคอลัมน์เรื่อยๆ ครับ แต่คิดว่าอาจไม่มีคนอ่านมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็อ่านผ่านๆ เอง ขอบคุณมากครับที่เขียนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

No comments: