Saturday, January 24, 2009
Bye Bye Bush
ในที่สุดสหรัฐอเมริกาก็ได้ยินดีปรีดากับประธานาธิบดีคนใหม่ แต่ก่อนที่อดีตประธานาธิบดีบุชจะถูกกวาดลงถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีที่แย่ที่สุด (หรืออย่างน้อยก็แย่ที่สุดคนหนึ่ง) ที่สหรัฐฯ เคยมีมา ผมขอเชิญคุณผู้อ่านมาโบกมือลาท่าน (อย่างสุภาพนะครับ อย่าลาท่านว่า Goodbye and good riddance! ล่ะ) ด้วยการย้อนกลับไปดูโวหารที่ท่านเอื้อนเอ่ยออกมาได้ราวกับคนปัญญาอ่อน (ต้องขอโทษคนปัญญาอ่อนจริงๆ ด้วยครับ) แทนที่จะเหมือนกับผู้นำประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
ครับ ผมหมายถึง Bushisms วาจาจากปากของท่านบุชที่ต้องเรียกอย่างนั้นเพราะท่านเป็นคนที่วางมาตรฐานใหม่ในแง่ของความที่ผู้ฟังๆ แล้วต้องถามว่า “อะไรวะ”
เริ่มจากอมตะวาจาของท่านอันดับที่ 10 นะครับ "Families is where our nation finds hope, where wings take dream." = ครอบครัวเป็นที่ๆ ชาติของเราพบเจอความหวัง ที่ๆ ปีกติดความฝัน
ความจริงท่านควรพูดว่า where dreams take wing = ที่ๆ ความฝันติดปีก
อันดับที่ 9 ท่านพูดกับประชาชนว่า "I know how hard it is for you to put food on your family." = ผมรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่พวกท่านจะเอาอาหารไปวางไว้บนครอบครัวของท่าน
สิ่งที่ท่านควรพูดคือ to put food on the family table หรือ to put food on the table ก็ได้ แปลว่า เอาอาหารไปวางบนโต๊ะครอบครัว หมายความว่า ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
อันดับที่ 8 ท่านพูดว่า "I hear there’s rumors on the Internets that we’re going to have a draft." = ผมได้ยินว่ามีข่าวลือทางอินเตอร์เน็ตว่าเราจะมีการเกณฑ์ทหาร
ความจริงท่านควรพูดว่า the Internet เพราะอินเตอร์เน็ตมีอยู่อันเดียว แต่ความที่ท่านเป็นคนรุ่นเก่าและหลายคนสังเกตว่าไม่ค่อยสนใจหรือสงสัยอะไร ก็เป็นไปได้ว่าท่านอาจนึกว่าเว็บไซท์เรียกว่าอินเตอร์เน็ต
อันดับที่ 7 ท่านกล่าวว่า "I know the human being and fish can coexist peacefully." = ผมรู้ว่ามนุษย์กับปลาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
ประโยคนี้มีคำตอบได้อย่างเดียว คือ “อะไรวะ?”
อันดับที่ 6 ท่านกล่าวว่า "You work three jobs? Uniquely American, isn’t it? I mean, that is fantastic that you’re doing that." = คุณทำงานสามจ๊อบหรือ เป็นเอกลักษณ์อเมริกันจริงๆ นะ ผมหมายความว่าดีเยี่ยมเลยที่คุณทำอย่างนั้น
ที่ข้อความนี้เป็น Bushism นี้ไม่ใช่เพราะพูดผิดไวยากรณ์หรือสลับคำ แต่เพราะว่าท่านพูดกับหญิงที่หย่าสามีและต้องเลี้ยงลูกสามคน ซึ่งน่าจะเป็นการแสดงความเห็นใจมากกว่าที่จะแสดงความยินดี
อันดับที่ 5 คือ "Too many good docs are getting out of the business. Too many OB-GYNs aren't able to practice their love with women all across this country." กล่าวที่เมือง Poplar Bluff รัฐ Missouri เมื่อ 6 กันยายน ค.ศ. 2004
แปลว่า "หมอเก่งๆ หลายคนเกินไปเลิกอาชีพนี้ หมอสูตินรีเวชหลายคนเกินไปไม่สามารถฝึกปรือความรักกับผู้หญิงทั่วประเทศนี้ได้" ท่านคงไม่ตั้งใจให้มันออกมาเป็นอย่างนั้น แต่พอออกจากปากแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไป
อันดับที่ 4 คือ "They misunderestimated me." กล่าวที่เมือง Bentonville รัฐ Arkansas (ออกเสียงว่า อ๊าร์ขั่นส่อ) เมื่อ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000
เป็นการบัญญัติศัพท์พิลึกกึกกือขึ้นมาซึ่งทุกคนจำได้ว่าเป็นยี่ห้อของประธานาธิบดีคนนี้ โดยสับสนปนเประหว่าง misunderstood = เข้าใจผิด กับ underestimated = ตีค่าต่ำไป
อันดับที่ 3 คือ "Rarely is the questioned asked: Is our children learning?" กล่าวที่เมือง Florence รัฐ South Carolina เมื่อ 11 มกราคม ค.ศ. 2000
แปลว่า น้อยครั้งจะมีการถามว่า เด็กๆ ของเราเรียนรู้หรือเปล่า แต่เป็นการใช้ไวยากรณ์ที่แสดงว่าคนพูดไม่ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษของตัวเองดีพอ จริงๆ แล้วประโยคควรจะเป็น Are our children learning? เพราะ children เป็นพหูพจน์
อันดับที่ 2 คือ "Our enemies are innovative and resourceful, and so are we. They never stop thinking about new ways to harm our country and our people, and neither do we." กล่าวที่ Washington, D.C. เมื่อ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2004
แปลว่า ศัตรูของเรามีหัวคิดริเริ่มสร้างสรรค์และพลิกแพลงเก่ง เราก็เหมือนกัน พวกเขาไม่เคยหยุดคิดวิธีใหม่ๆ ที่จะทำร้ายประเทศและประชาชนของเรา เราก็เหมือนกัน
ท่านคงจะตั้งใจหมายความว่าเราก็ไม่เคยหยุดคิดที่จะหยุดยั้งการทำร้ายประเทศและประชาชนของเรา แต่กลายเป็นว่าเราเองก็คิดจะทำร้ายประเทศและประชาชนตัวเองเหมือนกัน
และอันดับที่ 1 ซึ่งบ่งบอกถึงสมองที่มีการเดินสายไฟไม่เหมือนประธานาธิบดีที่ควรจะฉลาดกว่าคนทั่วไป คือ "There's an old saying in Tennessee — I know it's in Texas, probably in Tennessee — that says, fool me once, shame on — shame on you. Fool me — you can't get fooled again." กล่าวที่เมือง Nashville รัฐ Tennessee เมื่อ 17 กันยายน ค.ศ. 2002
ผมจะไม่พยายามแปลเพราะเกรงว่าจะทำให้สมองผมกลายเป็นอย่างสมองท่านบุชไปด้วย ขอบอกเพียงว่าความจริงภาษิตที่ท่านพยายามควักจากสมองอันสับสนของท่านคือ Fool me once, shame on you. Fool me twice, shame on me. = หลอกฉันครั้งหนึ่ง คุณน่าไม่อาย หลอกฉันได้สองครั้ง ฉันน่าไม่อาย
หมายความว่าถ้าคุณหลอกฉันได้ครั้งหนึ่ง คุณเป็นคนที่แย่ แต่ถ้าคุณหลอกฉันได้สองครั้ง แสดงว่าฉันเองเป็นคนที่แย่
No comments:
Post a Comment