การดูงานกับความเจริญ
ผมสงสัยมานานแล้วว่าทำไมเมืองไทยไม่เจริญซะที ทั้งๆ ที่เราส่งข้าราชการและนักการเมืองไปดูงานต่างประเทศปีละหลายชุด สิ่งที่เราเรียกว่า study tour หรือการดูงานนั้นทำไมจึงไม่ได้ผล และในเมื่อไม่ได้ผลแล้วทำไมเราจึงยังส่งคนไปดูงานกันอีก หรืออย่างน้อยก็ควรจะปรับแก้กระบวนการดูงานให้สามารถตรวจสอบได้ว่ามีประโยชน์ต่อประเทศอย่างไร
ในฐานะที่สมัยก่อนผมเคยทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ พาคนไทยไปดูงานมามากต่อมาก ผมรู้สึกว่าคนไทยเราจะเน้นด้าน tour มากกว่าด้าน study จนบางทีฝรั่งทำหน้าตื่นเมื่อเขาพยายามอธิบายเรื่องงานแต่เจอพี่ไทยตั้งหน้าตั้งตาหลับคร่อก (และแน่นอน กลับฟื้นคืนชีพเมื่อออกมานอกห้องประชุม)
ตอนผมอยู่มาเลเซียก็ได้รับคณะที่ไปดูงานสนามบิน Kuala Lumpur International Airport ซึ่งจัดได้ว่าเป็นท่าอากาศยานมาตรฐานโลก (แม้ว่าจะมีคนโหรงเหรงก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพราะมาเลเซีย ไม่ใช่ความผิดของสนามบิน) แต่พอมาเห็นสนามบินสุวรรณภูมิของเราแล้ว ก็งงว่า เอ๊ะ ที่ไปเทียวดูงานครั้งแล้วครั้งเล่านั่นไม่ได้นำไปประยุกต์ใช้กับสนามบินของเราเลยหรือ
คราวนี้ถึงคราวผมเองที่จะต้องไปดูงานต่างประเทศ (18-25 พ.ค.) โดย (หน่วยงานราชการที่ผมไม่ขอเอ่ยนาม) จัดให้ไป เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่ผมกำลังเรียนอยู่ ทีนี้ผมคงจะได้ทราบว่าเมื่อไปดูงานแล้วเราจะเหนื่อยล้าจนต้องหลับคร่อกต่อหน้าต่อตาผู้บรรยายหรือเปล่า หรือว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรที่สามารถนำมาใช้พัฒนาประเทศของเราได้
ดูโปรแกรมแล้วรู้สึกว่าค่อนข้างจะเน้นไปด้าน tour มากกว่า study (Stonehenge, Bath, Stratford-upon-Avon, สโมสร Manchester United ฯลฯ) แต่ก็คงต้องให้โอกาสพิสูจน์หละครับว่าโปรแกรมที่เขาจัดให้คุ้มค่ากับเงินภาษีอากรประชาชนที่ออกให้พวกเราหรือเปล่า หรือว่าการดูงานครั้งนี้เป็น junket ที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินของผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น
ผมกลับมาจากเที่ยว เอ๊ย ดูงานครั้งนี้แล้วค่อยมา update กันใหม่นะครับ
No comments:
Post a Comment