Thursday, December 07, 2006


Something in the Air

It's a schoolboy's dream come true. Deadlier than Snakes on A Plane. It's Farts on A Plane.

When I saw the headline "Flatulence on plane sparks emergency landing" on the CNN website, the puerile part of my mind that had never evolved beyond kindergarten kicked in. Did the flatulent fumes spread throughout the cabin, forcing the passengers and crew to reach for their oxygen masks and the pilot to attempt an emergency landing? Was the sufferer a pilot or co-pilot whose evil emissions gave his colleagues no choice? Did they serve beans on the plane?

The truth, of course, is laden more with pathos than hilarity. You can't help feeling sorry for the poor woman at the center of the whole episode. You're tempted to quip that she blew it big time, but the situation is bad enough without piling on the puns. All you can do in a situation like this is count your blessings: there but for the grace of mutant intestinal bacteria go I.

เปลี่ยนบรรยากาศบนเครื่องบิน

สำนักข่าว AP รายงานว่าเครื่องบินของ American Airlines มุ่งไปยังเมือง Dallas ต้องลงฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้โดยสารคนหนึ่งปล่อยแก๊ส

ตอนแรกผมเห็นพาดหัวก็นึกว่า โอ้โห ผู้โดยสารคนนี้คงมีจุลินทรีย์ในลำไส้พันธุ์มหากาฬ ทำให้คนในเครื่องบินทั้งลำหายใจไม่ออก จนต้องรีบนำเครื่องลงฉุกเฉิน

แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นครับ เรื่องมีอยู่ว่ามีผู้โดยสารสุภาพสตรีท่านหนึ่ง (เอ แต่หลังจากเกิดเหตุนี้ไม่ทราบว่าเรายังจะเรียกเธอว่าสุภาพสตรีได้อยู่หรือเปล่า) pass gas = ผายลม ออกมา แล้วก็อายกลิ่นมากถึงกับจุดไม้ขีดเพื่อพยายามกลบเกลื่อนกลิ่นนั้น

เป็๋นเรื่องก็เพราะจุดไม้ขีดนี่แหละครับ เพราะมีผู้โดยสารคนอื่นๆ แจ้งพนักงานบนเครื่องว่าได้กลิ่นกำมะถันไหม้ (ผมเข้าใจว่ากลิ่นกำมะถันนั้นคงมาจากไม้ขีด แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ 100 เปอร์เซนต์) ก็เลยสร้างความแตกตื่นทำให้นักบินต้องนำเครื่องลงเป็นการฉุกเฉิน ทุกคนต้องลงจากเครื่อง ผ่านการตรวจค้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เดือดร้อนถึง FBI ต้องส่งเจ้าหน้าที่มา

ในที่สุดก็พบเหตุว่าที่แท้ก็ไม่ใช่การพยายามก่อการร้าย เป็นแค่การพยายาม "กลบกลิ่นร้าย" เท่านั้นเอง

สุภาพสตรีผู้นั้นบอกว่าเธอเป็นโรคอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นอย่างนั้น FBI ซักปากคำเธอไม่นานก็ปล่อยตัวไป เพราะเธอทำท่าจะกลั้นไม่อยู่อีก แต่ไม่อนุญาตให้เธอกลับขึ้นเครื่องบินลำนั้น

สงสัยต่อไปนี้เธอคงจะต้องเดินทางโดยนั่งรถเปิดประทุนอย่างเดียว

เรื่องนี้ผมไม่ได้กุขึ้นมาให้เฮฮากันเล่นนะครับ เป็นข่าวจริงๆ ไม่เชื่อไปอ่านได้ที่
http://www.cnn.com/2006/TRAVEL/12/06/plane.passing.gas.ap/index.html

No comments: