ข่าวข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างความไม่เข้าใจระหว่างวัฒนธรรมซึ่งน่าสนใจ
ลองอ่านดูก่อนนะครับ เดี๋ยวผมค่อยออกความเห็น
จี้ปิดเว็บไซต์มะกัน หมิ่น‘พระพุทธเจ้า’
โพสต์ทูเดย์ — เว็บไซต์เหยียบหัวใจชาวพุทธ เอาหน้าสุนัขแทนพระพักตร์พระพุทธเจ้า
วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย นำคณะชาวพุทธทั้งพระภิกษุ และอุบาสก อุบาสิกา ราว 20 ท่าน เข้ายื่นจดหมายให้คุณหญิงไขศรี แสงอรุณ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) ดำเนินการปิดเว็บไซต์ www.cafepress.com ในสหรัฐ ที่นำภาพหน้าสุนัขไปติดไว้แทนพระพักตร์พระพุทธเจ้า และมีการนำไปตีพิมพ์ในผลิตภัณฑ์ราว 60 ชนิด เช่น กางเกงใน เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้มีการนำสินค้าดังกล่าวเปิดขายทางเว็บไซต์อยู่ในขณะนี้ด้วย ดังนั้น ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ขอให้หยุดเป็นการด่วน เพราะถือว่าดูถูกเหยียดหยามพระพุทธศาสนา
เนื่องจากพระพุทธเจ้าเป็นที่เคารพของชาวพุทธสูงสุด หาก วธ.ไม่ดำเนินการใดๆ ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ จะเดินเรื่องต่อไปเพื่อหยุดการเหยียดหยามพระ พุทธศาสนา ไม่ว่าเรื่องจะรุนแรงแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จดหมายจากศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ที่ยื่นถึงคุณหญิงไขศรี ได้เรียกร้องให้ดำเนินการเพื่อพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน และศาสนาอื่น
ทั้งนี้ เพราะตั้งแต่เว็บไซต์นี้เปิดทำการประชาสัมพันธ์ รัฐยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้เว็บไซต์ดังกล่าวหยุดการดูถูกเหยียดหยามพระพุทธศาสนา
พระมหาโชว์ ทัสสนีโย แห่งศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การกระทำของเว็บไซต์ดังกล่าวในสหรัฐครั้งนี้ รุนแรงยิ่งกว่าภาพภิกษุสันดานกา เพราะมีอย่างที่ไหนนำหน้าสุนัขมาใส่แทนพระพักตร์พระพุทธเจ้า หากผู้ที่คิด และกระทำอย่างนี้ยังไม่หยุด หรือกระทรวงวัฒนธรรมไม่ประสานงานกับกระทรวงไอซีทีให้บล็อกเว็บไซต์นี้โดยเร็ว ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ก็จะมีมาตรการอื่นที่รุนแรงเป็นลำดับต่อไป
ต่อไปนี้เป็นความเห็นของผมแล้วนะครับ
คนอเมริกันส่วนใหญ่มีความรู้สึกที่ดีกับศาสนาพุทธและพระพุทธเจ้า เวลาเปรียบเทียบใครที่อารมณ์ดีเสมอ ไม่เดือดไม่ร้อน นิ่งสงบ เยือกเย็น ก็มักจะเปรียบเทียบว่าเป็น Buddha
ไม่ได้หมายถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้นนะครับ แต่ยังรวมถึงพระสังคจายด้วย ดังนั้นใครที่หัวโล้น พุงโต และใจดี หัวเราะเก่ง ก็จะถูกเปรียบเทียบว่าเป็น Buddha ได้เหมือนกัน
ลักษณะอีกอย่างของสังคมอเมริกันคือรักสุนัขมาก แต่ละปีควักเงินซื้ออาหารสุนัขราว 6 พันล้านเหรียญ (2.1 แสนล้านบาท)และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เลี้ยงสุนัขไว้ทำหน้าที่เฝ้าบ้านอย่างที่คนไทยมักทำกัน แต่เลี้ยงเป็นเพื่อน ไปไหนไปด้วยกัน ทำอะไรทำด้วยกัน ตามภาษิตที่ว่า A dog is man's best friend. = สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ (โปรดสังเกตนะครับว่าไม่ใช่ a man ที่แปลว่า บุรุษคนหนึ่ง แต่ man ไม่มี article ซึ่งแปลว่า มนุษยชาติ)
ผมงงว่าในเมื่อคนอเมริกันมีความรู้สึกที่ดีกับทั้งพระพุทธเจ้าและกับสุนัข ก็ไม่น่าจงใจทำอะไรที่เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาพุทธ
ผมก็เลยเข้าไปค้น cafepress.com หาเสื้อยืดที่ว่านั้นจนเจอ ลายแบบมีชื่อว่า Beagle Buddha (เป็นหนึ่งในพันๆ ลายแบบที่เขามีขาย) แล้วก็ร้องอ๋อ โธ่เอ๊ย
ถ้ามองจากสายตาฝรั่ง ภาพนี้เป็นการเปรียบเทียบสุนัข (พันธุ์ beagle) ที่ตนเลี้ยงว่าอารมณ์ดี ใจดี สงบเยือกเย็น ราวกับเป็น Buddha (ตามความเข้าใจของฝรั่ง)
เขาจะมองว่าเป็นการเอาร่างของ Buddha มาใส่ให้สุนัขสุดที่รักของเขา เพื่อสะท้อนจิตใจอันงดงามของสุนัขที่เขาเลี้ยง
แต่คนไทยที่ประท้วงกลับมองว่าเป็นการเอาหน้าสุนัขมาใส่ให้กับพระพุทธเจ้า เป็นการจงใจดูถูกพระพุทธเจ้า เพราะสุนัขเป็นสัตว์ต่ำ โกรธใครมาก็เตะสุนัขระบายอารมณ์
แต่ในภาษาอเมริกันสแลง คำว่า dog กลับหมายถึง เพื่อนรัก เพื่อนซี้
สังคมไทยกับสังคมอเมริกันมองสุนัขจากคนละแง่ มองพระพุทธเจ้าจากคนละมุม
เขาไม่เข้าใจเรา ก็เลยคิดว่าเสื้อยืดลายนี้น่ารักดี ไม่ทันคิดว่าคนต่างวัฒนธรรมอาจไม่ชอบใจ
เราไม่เข้าใจเขา ก็เลยคิดว่าเขาตั้งใจลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า (ราวกับว่าการลบหลู่ดูหมิ่นท่านจะทำให้ท่านเดือดร้อนอย่างนั้นแหละ)
ถ้าเราไม่มีอารมณ์ขัน ไม่มีเมตตาธรรม ไม่มีความรู้ ก็จะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้รุนแรงอย่าง "ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย" นี่แหละครับ
ศาสนาพุทธกับพระุพุทธเจ้าไม่มีใครทำให้มัวหมองได้หรอกครับ เพราะเป็นสัจจธรรม อยู่เหนือเรื่องโลกทั้งปวง ใครอยากเป็นชาวพุทธแบบสุดโต่งก็ควรปฏิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธเจ้าให้หลุดพ้น อย่ามาเสียเวลาเยิ้วๆ อย่ามาขู่ใช้มาตรการรุนแรงราวกับพวกบ้าคลั่งศาสนา กับเรื่องไร้สาระแบบนี้เลย
No comments:
Post a Comment